ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!

ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!
แอน มรกต มณีฉาย เซ็กซี่บอมบ์ของเมืองไทยโดยไร้ซิลิโคน เจ้าของหน้าอกไซส์บิ๊กบึ้ม ที่เคยโด่งดังในอดีต หนุ่มสาวที่อายุ 30 ปีขึ้นไปต้องจดจำเธอ...
แอน มรกต มณีฉาย เซ็กซี่บอมบ์ของเมืองไทยโดยไร้ซิลิโคน เจ้าของหน้าอกไซส์บิ๊กบึ้ม ที่เคยโด่งดังในอดีต หนุ่มสาวที่อายุ 30 ปีขึ้นไปต้องจดจำเธอ...
ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!
ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!
ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!

คลิ๊กเพื่อดูเพิ่มเติม


แอน มรกต มณีฉาย เซ็กซี่บอมบ์ของเมืองไทยโดยไร้ซิลิโคน เจ้าของหน้าอกไซส์บิ๊กบึ้ม ที่เคยโด่งดังในอดีต หนุ่มสาวที่อายุ 30 ปีขึ้นไปต้องจดจำเธอคนนี้ได้อย่างแน่นอน

เริ่มต้นเข้าวงการได้อย่างไร?
"ไม่ได้มีความใฝ่ฝันอยากจะทำงานในวงการค่ะ มันเป็นเรื่องที่ผิดคาดมาก แอนเป็นเด็กต่างจังหวัด เกิดที่โคราช แล้วไปโตที่บุรีรัมย์ พอโตก็มาเรียนที่กรุงเทพฯ มาเรียน ปวช. อยู่หอพักค่ะ มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนิทกัน เค้าก็ชวนเพราะเห็นว่าแอนหน้าอกใหญ่ ชวนให้ไปถ่ายปฏิทินเซ็กซี่ บอกถ่ายได้หลายแสนนะ ไม่สนใจเหรอ ตอนนั้นก็ยืนยันไม่เอา ไม่ถ่าย เขิน ปฏิเสธตลอด เพราะตอนนั้นก็เด็กอยู่ คือเงินใครก็อยากได้ แต่ว่าให้มาถ่าย มันไม่กล้า อาย


เพราะมีหน้าอกขนาดใหญ่ๆ จึงถูกรุ่นพี่ชักชวนให้ไปถ่ายปฏิทิน
แต่พอเวลาผ่านไป อยากทำงานพิเศษ เลยได้มีโอกาสมาทำงานเบื้องหลัง เป็นผู้ช่วยนางแบบ ถือกระเป๋า จัดพร็อพ ปล่อยคิว เป็นการเดินแบบตามสถานบันเทิง โรงแรม หรืองานจัดเลี้ยงต่างๆ ตอนนั้นแอนยังอวบๆ อยู่ ยังไม่มีแวว ก็ไปช่วยงานเค้า จนเริ่มรู้สึกเคยชิน เวลานางแบบเปลี่ยนเสื้อผ้าเค้าก็แก้หมดเลย ก็เริ่มชิน ความคิดก็เลยเปลี่ยน เดินแบบก็ดีนะ ได้เงินด้วย พอเริ่มผอม ใส่บิกินี่ได้ หัวหน้านางแบบก็สอนเดินแบบให้ แอนเดินได้ เค้าเลยให้โอกาสค่ะ ตอนที่เริ่มเดินแบบอายุประมาณ 18 ปีค่ะ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง เพราะใส่บิกินี่แล้วหน้าอกมันใหญ่มาก ดูล้นๆ ทะลักๆ แต่พอเริ่มเดินบ่อยๆ ก็เริ่มชิน ตอนที่ได้เงินก้อนแรกจากการเดินแบบดีใจมาก แม้จะได้แค่ไม่กี่พันบาทก็ดีใจ ภูมิใจ หาเงินได้ พอได้เงินมาก็เริ่มสนุกกับงาน

จนได้มารู้จัก พี่อุ้ง อัญมณี สีชาด ก็มาชวนไปถ่ายปฏิทิน แต่ก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทติดต่อมาเหมือนกัน แต่ตกลงเรื่องค่าตัวไม่ลงตัว ติเรื่องหน้าอกว่าใหญ่เกินกล้อง ล้นกล้องล้นจอ ก็เลยไม่ถ่าย สงสัยดวงจะได้มาเจอกับพี่อุ้งค่ะ ตอนที่พี่อุ้งชวนก็ตัดสินใจอยู่นาน เพราะไม่เคยถ่าย และต้องเปลือยอกด้วย ตอนนั้นไม่มั่นใจ พ่อแม่ก็หัวโบราณ ถึงแม้ตอนเดินแบบมันจะใส่บิกินี่ แต่มันก็ยังมีอะไรปกปิด มันไม่ได้เปลือย พอจะมาเปลือยมันก็จินตนาการไม่ถูก แต่พอได้เห็นผลงานของพี่อุ้งที่เค้าถ่าย แล้วถ่ายสวยมาก ก็เริ่มทำให้แอนสนใจ แต่ติดตรงที่ว่ายังอาย และไม่มั่นใจในตัวเอง ก็คิดทบทวนอยู่เป็นเดือน สุดท้ายก็เลยตัดสินใจลองดู กะถ่ายแค่ครั้งเดียว เป็นปฏิทินของ ออโต้คัลเลอร์ สีพ่นรถยนต์"

ครั้งแรกกับการแก้ผ้าถ่ายปฏิทินเป็นอย่างไร?
"ทั้งเกร็งทั้งตื่นเต้น แต่โชคดีที่พี่อุ้งให้ไปซ้อมถ่ายก่อน 3 วัน เช่าสตูฯ จัดไฟจัดแสง เหมือนถ่ายจริง ให้หัดโพส เพื่อให้แอนชินกับกล้อง ชินกับการโพสท่า เพราะตอนนั้นโพสท่าไม่เป็น ตอนนั้นแข็งมาก (ยิ้ม)"

แอน มรกต โด่งดังในชั่วข้ามคืน 
มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน?"พอถ่ายเสร็จก็คิดว่าจบ ไม่น่าจะมีอะไร พอปฏิทินออกสู่สายตาทุกคน สื่อมวลชนได้เห็นภาพ ก็สนใจ เพราะในยุคนั้นนางแบบที่หน้าอกใหญ่ๆ มันหายาก ส่วนใหญ่จะมีแต่นางแบบอกใหญ่ สวย สมตัว แต่ของแอนมันใหญ่มากในยุคนั้น กลายเป็นว่าแค่ชั่วข้ามคืนกลายเป็นคนที่มีคนรู้จัก เพราะว่าสื่อเอาภาพไปตีพิมพ์ ตอนนั้นรู้สึกงงมาก ตกใจมาก ยังถามตัวเองว่า นี่เรามีชื่อเสียงแล้วเหรอ ไม่คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยน หลังจากนั้นก็มีอีเวนต์ โชว์ตัวมาเรื่อยๆ แล้วก็ได้เล่นภาพยนตร์ ละคร และได้ออกอัลบั้มเพลง"

เห็นว่าครอบครัวตัดขาดเพราะรับไม่ได้ที่มาถ่ายภาพนู้ด?
"ตอนที่เริ่มมีชื่อเสียง คนรู้จัก ก็มีความรู้สึกทั้งดีใจและกังวลใจ เพราะนึกถึงพ่อกับแม่ว่าท่านจะคิดยังไง คงรับไม่ได้แน่ๆ เลย เพราะภาพที่ออกมาเป็นภาพที่เซ็กซี่ เพราะตอนที่ทำงานเดินแบบหรือตัดสินใจถ่ายแบบก็ไม่ได้บอกท่าน ตอนแรกท่านไม่ทราบหรอกค่ะว่าแอนถ่าย และไม่มีโอกาสได้เห็นง่ายๆ เพราะบ้านค่อนข้างจะกันดาร สื่อต่างๆ เลยเข้าไปไม่ถึง แต่มีคนหวังดีส่งภาพไปให้ดู พอที่บ้านเห็น ตกใจมาก โกรธมากทั้งพ่อทั้งแม่ และพ่อพูดเลยว่าถ้าจะทำอย่างนี้จะตัดหางปล่อยวัด ไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้าน

ผลงานนู้ดบางส่วนของแอน มรกต ภาพจากอินเทอร์เน็ต 
แอนก็ตัดสินใจไม่กลับบ้าน คือเข้าใจครอบครัวนะ ในความเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เป็นน้อง พอเราไปถ่ายภาพเซ็กซี่ในยุคนั้นมันก็ค่อนข้างจะแรง เข้าใจว่าเค้าคงอาย คนก็ต้องถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ลูกสาวไปถ่ายภาพเซ็กซี่แบบนี้ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงิน จนกว่าเค้าจะทำใจได้ และเริ่มยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ค่อยกลับบ้าน ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าที่บ้านจะยอมรับ แต่ในระหว่างนั้นแอนก็โทรไปที่บ้านนะ ส่งเงินให้ที่บ้าน ซื้อของขวัญให้พ่อแม่ ตอนนั้นเค้าอยากได้รถกระบะ แอนก็เอาเงินก้อนแรกที่เก็บจากการทำงานไปซื้อรถให้เค้า ภูมิใจมาก ถึงแม้ที่บ้านจะรับไม่ได้ แต่แอนก็ไม่เคยท้อหรือจะหยุดทำงาน เพราะแอนมั่นใจในสิ่งที่แอนตัดสินใจและรับผิดชอบในสิ่งที่แอนตัดสินใจแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องยอมรับสภาพ ยอมรับในสิ่งที่เราตัดสินใจ ยอมรับในสิ่งที่ทำ"

ครอบครัวตัดขาด พ่อประกาศตัดหางปล่อยวัด เพราะแอนถ่ายปฏิทินนู้ด 
ผลงานที่สร้างชื่อให้คนรู้จัก แอน มรกต มณีฉาย คืออะไร?
"เป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเลยคือเรื่อง มังกรเจ้าพระยา เป็นภาพยนตร์ของอาฉลอง ภักดีวิจิตร เรื่องแรก ทำให้คนทั้งประเทศได้รู้จักแอน เพราะอาหลองกลับมาทำภาพยนตร์อีกครั้ง บวกกับแอนที่เป็นนางแบบเซ็กซี่หน้าอกใหญ่มาร่วมงานในเรื่องนี้ วันเปิดตัวหนังเรื่องนี้สื่อมวลชนเยอะมาก แต่ละครที่แอนประทับใจน่าจะเป็นเรื่อง นาง 12 เพราะว่ามันเป็นละครที่คนพูดถึงตลอดเวลาที่เจอแอน คนจะเรียกชื่อแอนในละคร พระแม่เจ้ามาแล้ว เด็กๆ จำได้ ไม่คิดว่าคนดูจะดูเยอะขนาดนี้ บางคนชมว่าพระแม่เจ้าสวยกว่าลูกอีกนะ เป็นนางยักษ์สวยเซ็กซี่ใส่ชุดโชว์สะดือ หน้าอกล้นๆ คนก็ชม เค้าชอบ และการเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ มันไม่ได้เล่นง่ายๆ นะ ด้วยภาษาที่พูด มีราชาศัพท์ด้วย"

ตอนที่สื่อให้ฉายา เซ็กซี่บอมบ์ ดาวยั่ว ดาวโป๊ นางแบบนู้ด รู้สึกอย่างไร?
“ไม่ชอบค่ะ แต่มันคืองาน ต้องยอมรับและเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงตั้งฉายาให้อย่างนี้ เพราะภาพลักษณ์เราเป็นอย่างนี้ เค้าถึงต้องตั้งฉายาให้อย่างนี้ มันคืออาชีพของแอน ก็พยายามทำให้ดีที่สุด มันเป็นหน้าที่ค่ะ แต่ในใจลึกๆ แล้ว ก็ไม่ได้ชอบหรือว่ารู้สึกภูมิใจที่มีคนมาเรียกแบบนี้"


ถึงจะเป็นสาวเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ยอมเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บใคร

เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงไปไหนมาไหนคนจับจ้อง?"ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดมาก ในยุคนั้นแอนค่อนข้างเก็บตัวนะ จะไม่ค่อยไปข้างนอก ช็อปปิ้ง กินข้าวตามร้านอาหารไม่มี ที่เก็บตัวคือถ้าเราออกไปข้างนอก คนจำได้ ความเป็นส่วนตัวไม่มีแล้ว คนจะคอยจับจ้อง ขี้เกียจระวังตัว เลยเลือกที่จะเก็บตัว ชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากที่เริ่มมีชื่อเสียง จากเด็กต่างจังหวัดคนนึงที่คิดจะหาเงินค่าเรียน แล้วจู่ๆ ได้มาเป็นเซ็กซี่สตาร์ ตอนอายุ 19 บอกเลยว่าตอนนั้นความรับผิดชอบมันเกินอายุ เราคือแอน มรกต เราจะไม่มีความรับผิดชอบต่องานไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ความมีอายุน้อยไม่รับผิดชอบต่องาน รู้แค่ว่าต้องทำงานที่ได้รับมาให้ดีที่สุดค่ะ"


ผลงานนู้ดบางส่วนของแอน มรกต ภาพจากอินเทอร์เน็ต
ลุคสาวเซ็กซี่ ทำให้มีเสี่ยๆ เข้ามาขอดูแล?
"ตอนแรกแอนไม่ทราบหรอกค่ะว่ามีติดต่อเข้ามาเยอะมาก เพราะว่าผู้จัดการส่วนตัวดูแล ผู้จัดการส่วนตัวมาเล่าให้ฟังระยะหลังๆ ว่ามีเข้ามานะ เป็นเสี่ย ตระกูลดัง เค้ายื่นขอเสนอมาว่าอยากจะดูแล ให้บ้านหลังไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน สมัยก่อนก็หลังใหญ่มากเลยนะ ให้เงินเดือน ให้รถเบนซ์ แอนก็เฉยๆ เพราะแอนก็ทำงาน มีชื่อเสียง อาชีพและงานของแอนสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่าที่เค้าจะให้ซะอีก ถ้าแอนรับ แอนจะต้องไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ซึ่งไม่รู้จักนิสัยใจคอ ไปอยู่กับเค้า เค้าจะดูถูกเรามั้ย จะถูกจำกัดความเป็นตัวตนของตัวเองรึเปล่า เพราะฉะนั้นแอนคิดว่ามันไม่ใช่อาชีพ มันไม่ใช่งาน เรามีงาน มีอาชีพของเราอยู่ ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาใคร หรือให้ใครหาเลี้ยง ตอนนั้นงานเยอะ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ค่ะ"
ถึงจะเป็นสาวเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ยอมเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บใคร

อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเซ็กซี่สตาร์ไม่จำเป็นต้องเป็นเมียเก็บใครหรือเปล่า?
"คือส่วนใหญ่คนจะมองแบบนี้อยู่ เป็นสาวเซ็กซี่ มันต้องเป็นเด็กเสี่ยไม่ก็เป็นเมียเก็บเค้า แต่แอนอยากทำให้คนอื่นเค้ารู้เหมือนกันว่า ถึงภาพลักษณ์แอนจะเป็นอย่างนี้ แต่แอนก็ทำงานหากินด้วยลำแข้งของตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเมียน้อยใคร แอนคิดว่าหาเงินได้มากกว่าที่เค้าจะให้แอนด้วยซ้ำ อยากพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิด เค้าตัดสินเรา"
นอกจากเป็นนางแบบเซ็กซี่ เล่นละคร ยังเป็นนักร้องด้วย?
"คือไม่ได้เป็นคนร้องเพลงเก่งอะไรนะคะ แต่ได้ร้องเพลงเพราะสมัยโชว์ตัว แอนต้องร้องเพลงด้วย เลยต้องหัดร้องเพลง แล้วค่ายรถไฟดนตรีเห็นแววมั้งก็เลยเรียกมาทำเพลง ได้ไปฝึกร้องเพลงกับครูอ้วน มณีนุช ด้วย พอมาเป็นนักร้องยิ่งงานหนัก แทบไม่ได้พักผ่อน ช่วงเทศกาลไม่ต้องพูดถึงบางวันวิ่ง 2-3 งาน ต้องวิ่งให้ทัน เพราะรับปากไว้แล้ว แต่มีเหตุการณ์นึงที่แอนจำไม่เคยลืม คือรับงานร้องเพลงไว้ที่ร้านอาหาร แล้วมีแฟนเพลงมารอ แต่แอนติดงานเลยเลตไป 1 ชั่วโมง แฟนเพลงคนนั้นก็นั่งดื่มรอระหว่างที่แอนยังไม่มา รอนานเกินไป เค้าก็โวยวายคิดว่าแอนไม่มาแล้ว เลยกลับ ปรากฏว่าเค้าเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พอไปถึงร้านก็ทราบข่าวร้าย แอนเสียใจมาก รู้สึกผิด คิดว่าเรามีส่วนทำให้เค้าต้องตาย ยิ่งทำให้แอนต้องมีความรับผิดชอบสูงมากขึ้นในการรับงาน"


ผลงานภาพยนตร์เรื่องมังกรเจ้าพระยา และผลงานอัลบั้มเพลงของแอน มรกต ภาพจากอินเทอร์เน็ต
ฮอตมากขนาดไหน?
"ช่วงแรกๆ ยังไม่มีงานละคร ก็มีงานโชว์ตัวทุกวันแล้วค่ะ บินจากใต้แล้วไปต่ออีสานก็มี ไม่ค่อยได้นอน อาศัยนอนบนเครื่อง พอถ่ายละครก็อาศัยนอนในกองเอา เพราะละครเร่งถ่าย พอมีอัลบั้มก็วันนึงรับงาน 3 งานค่ะ หรือไม่ก็ 4 งาน ถ้าดูระยะทางแล้วมันสามารถรับได้ก็รับ บางทีนางเอกบางคนเค้าก็ไม่รับงาน แต่แอนรับตลอด ออกอัลบั้มด้วย คนก็อยากเห็นแอนว่าเราเป็นอย่างไร ก็ไปมาทั่วประเทศแล้ว"

ถ่ายแบบ เล่นละคร ร้องเพลง ชอบงานไหนมากที่สุด?
"ชอบทุกอย่างเลยเพราะงานแต่ละงานมีความแตกต่างกัน ถ่ายแบบไม่ง่ายนะคะ ไหนจะโพส ไหนจะแสงด้วย แอนคิดว่าการถ่ายแบบเป็นงานศิลปะ บางคนอาจจะมองว่าไม่สวย โป๊ มันอยู่ที่มุมมอง การถ่ายภาพเซ็กซี่ ภาพพวกนี้เป็นภาพศิลปะโดยผ่านตัวนางแบบ มันอยู่ที่มุมมองของคนดู ส่วนละครมันทำให้แอนได้เล่นในบทบาทต่างๆ เป็นนางร้าย เล่นเป็นคนเป็นเอดส์ เล่นเป็นนางยักษ์ บทบาทมันหลากหลาย"

แอนเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนฮอตมาก เคยรับงานโชว์ตัวถึง 3 งานในวันเดียว
ขออนุญาตถามถึงความสัมพันธ์กับ หนู เชิญยิ้ม?
"เราเล่นละครด้วยกันค่ะ ได้เจอกันในกอง ในสายตาก็มองว่าเป็นพี่ที่ตลกคนนึง มีคุยมีแซวกันในกอง แต่ไม่ได้คิดอะไร และในช่วงนั้นพี่หนูฮอตมากนะคะ มีเด็กนักศึกษา ม.เอกชนดังมาเฝ้าที่กองทุกวัน (ยิ้ม) ในสายตาแอนก็มองว่าเค้าร้ายกาจไม่เบานะ ควงเด็กมหา'ลัยนี้ได้ไม่ธรรมดานะ (หัวเราะ) ก็นั่งเม้าท์กับคนในกองว่าเค้ามาชอบพี่หนูตรงไหน ผอม ไม่หล่อ หรือเด็กชอบของแปลก ก็เป็นอารมณ์แบบแซวกันสนุกๆ ในกอง เปลี่ยนคนมาเฝ้าตลอด เราถ่ายละครด้วยกัน 4-5 เดือน ก็แซวกันตลอด แกล้งกันตลอด จนวันปิดกล้องพี่หนูก็มาแซว มาชมว่าแอนน่ารัก ก็ถามว่ามีแฟนรึยัง ถ้ายังเป็นแฟนพี่มั้ย ก็พูดเล่นๆ ว่าเอาสิ ธุรกิจกองก็มาถามว่าพูดจริงมั้ย ด้วยความที่แซวกันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร พี่เค้าก็เลยส่งข่าวให้นักข่าว พอข่าวออกมาแอนก็ตกใจ เพราะเราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ เป็นเพื่อนร่วมงานมากกว่า พูดจริงๆ เลยนะ จะว่าเป็นแฟนมันก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นยุคนี้ก็เป็นคู่จิ้นมั้งคะ พอเป็นข่าวก็เริ่มออกรายการคู่กัน โชว์ตัวคู่กัน เพราะข่าวว่าเป็นแฟนกัน

หนู เชิญยิ้ม หรือ หนู คลองเตย
หลังๆ ข่าวเริ่มเยอะ แอนก็เริ่มไม่โอเคกับข่าวแต่ผู้ใหญ่ขอให้ช่วยโปรโมตละครต่อ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนต่อไป พอมีข่าวว่าเลิกกัน แอนกลับเป็นคนที่โดนด่าเยอะมากที่สุด โดนผลกระทบมากที่สุด ก็มานั่งคิดว่าคิดผิดรึเปล่าที่ปล่อยให้เป็นข่าวอย่างนั้นออกไป ยอมรับนะว่าช่วงที่ละครออนแอร์และมีข่าวนี้ออกไป กระแสมันก็แรงจริง แต่ผลเสียที่ตามมาข่าวไม่จบ กระแสไม่จบ กลายเป็นข่าวต่อเนื่อง คนติดภาพว่าแอนเป็นแฟนพี่หนู แอนก็พูดไม่ได้ ปฏิเสธไป พี่หนูก็เสียหน้า เพราะข่าวมันไปไกลเกินกว่าที่เราจะคิดเอาไว้

เปิดใจถึงความสัมพันธ์กับ หนู เชิญยิ้ม

แอนอยู่ในวงการไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้ชาย เป็นข่าวกับผู้ชายครั้งแรกก็คือพี่หนู แล้วเราไม่ได้เป็นแฟนกัน อาศัยทำงานคู่กัน ขายงานคู่กัน เราได้ผลประโยชน์จากข่าวเพราะได้งานคู่ มีงานมากขึ้น การเป็นข่าวกับพี่หนูมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่เงินทองชื่อเสียงที่ได้มาก็ต้องแลกกับการเป็นข่าวนี้ ช่วงนั้นคิดหนักมาก พอเลิกกัน แฟนคลับพี่หนูอินมาก มาต่อว่าต่อขานแอนเยอะมาก แต่แอนพูดอะไรไม่ได้ เพราะเค้าไม่รู้ความจริง ไม่ได้อยู่วงในก็ไม่เข้าใจ มันเหนื่อยที่จะต้องมานั่งอธิบาย ก็โดนผลกระทบ เจอคำถามสารพัดว่าทำไมเลิกกัน แต่แอนไม่เสียใจเพราะแอนเจอข่าวเยอะมาก มีภูมิคุ้มกัน เจอทุกรูปแบบ บางทีมีข่าวลือเป็นเด็กเสี่ย เป็นเมียน้อย แต่ก็พยายามมองโลกในแง่บวก อาจเป็นเพราะลุคแอนเป็นอย่างนี้เลยทำให้คนมองว่าต้องเป็นแบบนั้นรึเปล่า"
ผลงานนู้ดบางส่วนของแอน มรกต ภาพจากอินเทอร์เน็ต

ทำไมถึงหันหลังให้วงการ?
"ไม่ได้ตั้งใจหันหลังให้วงการค่ะ แต่ตอนที่ชื่อเสียงเริ่มลดลง ถามว่านอยด์มั้ยก็มีบ้างค่ะ แต่แอนเข้าใจโลก ทุกอย่างมันมีอายุของมัน สิ่งของแทบทุกอย่างมีการปลดระวาง ดารานางแบบก็มีปลดระวาง แอนแก่แล้วจะให้ไปถ่ายแบบใครจะมาดู เริ่มแก่ เริ่มเหี่ยว เริ่มหย่อน เริ่มยาน แฟนคลับไม่มานั่งเฝ้าดูตลอดเวลา เค้าก็ต้องรอดูเด็กใหม่ สวยกว่า สดกว่า จะมานั่งไม่ยอมรับสภาพดื้อดึงที่จะถ่ายก็ไม่ได้ ในช่วงที่เลิกถ่ายหุ่นแอนก็ยังดีนะ ยังมีติดต่อเข้ามา แต่แอนไม่ทำ พอแล้ว ถึงเวลาที่จะพอแล้วกับภาพเซ็กซี่ มันเยอะเกินไปแล้ว แอนเคยมีอาการมึนกับผลงานของตัวเอง หันไปทางไหนก็เจอแต่ภาพตัวเอง เยอะจนรู้สึกว่าคนคงเบื่อเรานะ จะถ่ายอะไรนักหนา ก็นมคู่เดิม จะโพสท่าไหนก็เป็นแอนคนเดิม"

งานลดลง เบื่อการถ่ายแบบเซ็กซี่เลยประกาศแขวนเต้าใช่มั้ย?
"ไม่เคยประกาศแขวนเต้านะคะ แต่คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ควรจะพอได้แล้วสำหรับภาพเซ็กซี่ เพราะก่อนหน้านี้ภาพเซ็กซี่มันเยอะมาก อัลบั้มภาพ 3 เล่ม ปฏิทินอีก 4 ชิ้น แม็กกาซีนต่างๆ คาราโอเกะเยอะมาก เป็นเจ้าแม่คาราโอเกะ ถ้าบริษัทนี้มีแอน บริษัทอื่นก็ต้องมี ไม่อย่างนั้นตกเทรนด์ ซึ่งงานนี้รายได้ดีมาก ทำให้แอนซื้อบ้านได้เพราะเงินถ่ายคาราโอเกะล้วนๆ ค่ะ ผ่อนบ้านไม่ถึงปีก็หมดค่ะ คิดดูเอาแล้วกันว่าแอนจะถ่ายเยอะขนาดไหน มันถึงจุดอิ่มตัว ถึงวาระที่ควรจะพอได้แล้ว ไม่ใช่คนเบื่อแล้วค่อยพอ แต่เราควรจะพอด้วยตัวเราเอง เพราะเรารู้สึกว่ามันเยอะแล้ว พอเริ่มปฏิเสธที่จะไม่ถ่าย ก็ทำให้หายไปจากวงการโดยปริยาย โดนตามตัวอีกทีช่วงทำหนังในวีซีดี ตอนนั้นก็โดนเรียกไปถ่ายเยอะมาก บางเรื่องก็รับ บางเรื่องก็ไม่รับ"
เริ่มปฏิเสธงานถ่ายแบบเพราะเริ่มอิ่มตัว
แอน มรกต มณีฉาย เซ็กซี่สตาร์ที่โด่งดังเมื่อประมาณ สิบกว่าปีที่แล้ว

สาวเซ็กซี่ในตำนาน

ชีวิตปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง?
"หลายกระแสว่าแอนตกอับ แต่จริงๆ ไม่ใช่นะคะ ช่วงนี้ก็จัดรายการเปิดอก ทางช่องซุปเปอร์บันเทิงอยู่ค่ะ ทำมา 3 ปีแล้ว เอาจริงๆ ในความรู้สึกว่าตัวเองเว้นช่วงการทำงานในวงการไปไม่นานหรอก ก็มีโผล่ไปออกรายการนั่นนี่บ้าง แต่พอมานั่งทำงานพิธีกรที่ไม่เคยทำมาก่อน แรกๆ ก็แปลกๆ เขินๆ พอทำไปสักพักก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เริ่มสนุก รู้สึกว่าได้ใช้ความสามารถอีกทางนึงนอกเหนือจากการเล่นละคร ส่วนธุรกิจสปาก่อนหน้านี้เพิ่งจะปิดตัวไป ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ เพราะพี่สาวเป็นคนดูแลและป่วยเป็นมะเร็ง คนที่ป่วยเป็นมะเร็งห้ามเครียด เพราะถ้าเครียดมะเร็งจะลุกลามมากขึ้น ก็เลยตัดสินใจให้พี่สาวได้พักผ่อน และช่วงนั้นสปาเป็นธุรกิจที่อิ่มตัว แอนเปิดร้านที่สุขุมวิทในละแวกนั้นก็มีคู่แข่งเยอะ เศรษฐกิจไม่ดี ปริมาณลูกค้าก็น้อยลง ก็เลยตัดสินใจปิด ทำธุรกิจตัวนี้มาประมาณ 7 ปีค่ะ ที่ทำธุรกิจตัวนี้เพราะว่าเป็นไอเดียของพี่สาวด้วย เพราะเค้าเคยทำงานด้านสปามาก่อน เรามีทุนก็เลยมาทำด้วยกันกับพี่สาว ช่วงที่มาทำธุรกิจสปาจะเรียกว่าเป็นช่วงหันหลังให้วงการบันเทิงก็ไม่ใช่นะ แต่ตอนนั้นกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็เลยเทเวลาให้กับร้านสปา เลยไม่ค่อยได้รับงานในวงการเท่าไร"


ทุกวันนี้แอน มรกต ยังไม่มีครอบครัว

งานในวงการและการทำธุรกิจแตกต่างกันมากมั้ย?
"ต่างกันเยอะค่ะ เราทำงานในวงการบันเทิงก็ทำหน้าที่ของเรา เป็นนักแสดง แต่ก็ยังเป็นลูกจ้างอยู่ พอมาทำสปามันก็เป็นธุรกิจของเราเอง เราลงทุน แต่เราก็มีลูกน้อง ลูกจ้าง เราไม่ได้รับผิดชอบร้านอย่างเดียว แต่ต้องรับผิดชอบลูกจ้างด้วย เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบในการทำธุรกิจมันมากกว่า แต่มันคนละแบบกัน ส่วนชื่อเสียงที่เรามีก็ช่วยส่งเสริมงานธุรกิจของเราส่วนนึง มีลูกค่าคนไทยที่รู้จักแอนมาใช้บริการบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าขาจร เป็นชาวต่างชาติ"

แม้จะห่างจากวงการไป แต่แอนก็ยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี?"ในความรู้สึกของแอน รูปร่าง สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงจะอายุเยอะแต่แอนก็ไม่ปล่อยตัว สุขภาพมันทำให้ชีวิตของเรายืนยาว ทำให้เราสามารถทำประโยชน์ได้อีกเยอะมากมาย แอนจะดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่เน้นผอมสวย แต่เน้นสุขภาพดี ความสวยมาเป็นรอง ชอบออกกำลังกาย เล่นมาหลายปีแล้ว ชอบเล่นเวต และต่อยมวยไทย เล่นพวกนี้มันช่วยให้เรื่องของการเผาผลาญและเน้นให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงค่ะ คือเราเป็นคนมีชื่อเสียง เวลาไปไหนคนจำได้ ถ้าเค้าทักว่าแก่จัง ปล่อยตัวให้อ้วนจัง แอนทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงแม้จะอายุมากขึ้นแต่ก็ต้องทำให้ตัวเองดูดีอยู่ ทุกวันนี้เวลามีคนทักว่ารูปร่างหน้าตายังเหมือนเดิม ก็รู้สึกดีค่ะ"


41 แล้ว ยังแจ๋ว สวยหุ่นเป๊ะไม่แพ้เด็กๆ

ทุกวันอยู่ตัวคนเดียว มีครอบครัวหรือเปล่า?
"ยังไม่มีค่ะ เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าตัวเองยังสาว ยังไม่อยากมีครอบครัว คิดแค่ว่าถ้ามีครอบครัวก็ต้องออกจากวงการ กลับมาทำงานในวงการก็ยาก และก็ยังไม่พร้อมมีครอบครัว สนุกกับชีวิตโสด พอโสดมานานก็เริ่มชิน พอมาถึงเวลานี้ ถามว่าอยากมีครอบครัวมั้ย ก็อยากมีเหมือนกัน มันมีช่วงเหงา แต่มันก็มีคำถามว่าถ้ามีครอบครัวพร้อมเสียสละมั้ย มันไม่ใช่แค่คน 2 คนที่รักกันแล้วมาอยู่ด้วยกัน ความรักอย่างเดียวไปไม่รอด อาศัยปัจจัยหลายอย่าง ต้องปรับตัวเข้าหากันอีก แอนลองคบมาหลายคน แต่ก็รู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ แอนอาจจะไม่เหมาะที่จะมีครอบครัวหรืออาจจะยังไม่เจอคนที่พร้อมจะร่วมชีวิตด้วย".

ขอบคุณสถานที่ :ร้าน OMG รัชดา ซอย 18 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการสัมภาษณ์และถ่ายรูป

ละครจักรๆ วงศ์ๆ นาง 12 รับบทเป็นนางยักษ์ ผลงานในความทรงจำของแอน มรกต ภาพจากอินเทอร์เน็ต

แอนใช้เวลา 2 ปีทำให้ครอบครัวยอมรับในอาชีพที่ตัวเองทำ

ชีวิตปกติของแอนก็ไม่ใช่สาวเซ็กซี่อะไร

เซ็กซี่เบาๆ เวลาออกงาน

เจ้าแม่คาราโอเกะ ถ่ายเอ็มวีจนผ่อนบ้านหมดในปีเดียว


ที่มา : thairath
ลืมยัง? 'แอน มรกต' ตำนานอกภูเขา 39 นิ้ว! ไฟฝันในวันวานของหลายคน!
Share on Google Plus
    Blogger Comment
    Facebook Comment